กล้วยด่างฟลอริด้า เป็นพืชในวงศ์ MUSACEAE ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Musa Florida Variegated โดยมีการค้นพบครั้งแรกบนเกาะฮาวายเมื่อประมาณ 80 ปีที่แล้ว และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในแถบตอนใต้ของฟลอริด้า ซึ่งเป็นต้นเหตุของชื่อที่ใช้เรียกกันจนถึงปัจจุบัน ยังมีการกล่าวว่าเคยมีการนำกล้วยชนิดนี้ไปจัดแสดงในงาน World Fair Expo ที่ฟิลาเดลเฟีย
เมื่อโตเต็มที่ลำต้นจะมีสีเขียวอมชมพู ใบมีขนาดใหญ่ โคนก้านสีชมพูอ่อน ปลีกล้วยมีสีแดงคล้ำและมีนวล ปลีมีลักษณะค่อนข้างเรียว โดยหนึ่งเครือจะมี 4-5 หวี แต่ละหวีประกอบด้วย 10-16 ผลซึ่งมีลักษณะโค้งงอและปลายเรียว ผิวของผลกล้วยมีสีด่างทั้งขาวและเขียวหรืออาจอมชมพู รสชาติคล้ายกล้วยไข่ แต่มีรสอมเปรี้ยว ไม่มีเมล็ด ผลของกล้วยด่างนั้นสามารถรับประทานได้
แต่ควรทานเมื่อสุกแล้ว และนิยมปลูกสำหรับประดับ สาเหตุของการเกิดกล้วยด่างมาจากอะไร กล้วยเป็นพืชล้มลุกที่สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยการชำหน่อหรือเพาะเมล็ด ลักษณะสีด่างของใบ ลำต้น และผลกล้วยมักเกิดจากการกลายพันธุ์โดยธรรมชาติ หากต้องการขยายพันธุ์เช่นนี้ต้องนำหน่อไปเพาะให้เจริญต่อไป เนื่องจากผลที่ผ่านการผสมหน่อมักไม่มีเมล็ด การเพาะเมล็ดจึงทำได้ยากและไม่ให้ผลที่หน้าตาสวยเหมือนต้นแม่ สีด่างเกิดจากกลไกของยีนด้อยที่แฝงอยู่ในพันธุกรรม ซึ่งสีด่างเหลืองและขาวจากลักษณะเผือกทำให้ใบมีริ้วลายต่างกัน
แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ สำหรับกล้วยด่างฟลอริด้า ต้นนี้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เนื่องจากมีลำต้นและใบที่คล้ายกับกล้วยทั่วไป แต่ลวดลายด่างของมันเป็นสิ่งที่แตกต่าง โดยแต่ละต้นจะมีความหลากหลายไม่ซ้ำกัน ลวดลายด่างสีขาวหรือเหลืองผสมสลับกับสีเขียวไปตามแนวเส้นใบ หากมองเผินๆ อาจให้ความรู้สึกคล้ายลายพรางของทหาร และช่วยให้มันกลมกลืนไปกับธรรมชาติอย่างน่าทึ่ง การเลี้ยงดูในระยะแรกนั้น ต้องเริ่มจากการเลือกต้นกล้าที่มีความแข็งแรง โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน่อและรากมีความสมบูรณ์ ไม่มีรอยแผลหรืออาการเน่าเสีย รวมถึงใบควรมีลวดลายด่างเด่นชัด และปราศจากหรือรอยไหม้ เมื่อได้ต้นกล้ามาแล้ว
ควรแช่น้ำยากัน น้ำยากำจัดแมลง รวมถึงน้ำยาเร่งราก ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นนำมาผึ่งให้แห้งก่อนปลูกลงในดิน การเตรียมดินสำหรับปลูกกล้วยด่างฟลอริด้าต้องให้ความสำคัญกับการระบายน้ำ ควรใช้ดินร่วนผสมกับดินดำและปุ๋ยอินทรีย์ในปริมาณเล็กน้อย เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่รากจะเน่า ควรหลีกเลี่ยงการใช้เศษใบไม้แห้งโดยตรง เพราะอาจทำให้ดินร้อนเกินไปได้
ในช่วงแรกของการเพาะปลูก ควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแบบทีละน้อยและบ่อยครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการให้ปุ๋ยเกินปริมาณ ไม่ควรจัดวางไม้ด่างไว้ในสภาพแสงแดดจัด แนะนำให้ตั้งไว้ในพื้นที่ที่มีแสงรำไรเพื่อเสริมความแข็งแรงของต้นและใบ สามารถใช้ปุ๋ยเคมีเร่งการเติบโตได้เดือนละครั้ง เพื่อกระตุ้นการพัฒนาของต้นกล้าให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น